นพ.ปวริศ สังขันธ์
งานออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลบ่อพลอย กาญจนบุรี
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ปลายเดือนพฤษภาคม ปี 2554 ผมได้รับโอกาสจากอาจารย์ ธนา (พ.ต.อ.ธนา ธุระเจน) และอาจารย์วิโรจน์(พ.ต.อ.วิโรจน์ ลาภไพบูลพงษ์) รับผมเข้ามาเป็นแพทย์ประจำบ้านต่อยอดในสาขาข้อเข่าสะโพก หลังจากผมได้ใช้ชีวิตเป็นแพทย์ศัลยกรรมกระดูกประจำโรงพยาบาลบ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ได้หนึ่งปีเต็ม โดยผมต้องเป็นแพทย์ fellow ติดตามอาจารย์วิโรจน์ไปตลอดหนึ่งปีจนครบหลักสูตร
ในช่วงเวลาหนึ่งปีที่เป็นแพทย์ศัลยกรรมกระดูกที่โรงพยาบาลบ่อพลอย ได้เริ่มทำ TKA THR โดยมีรุ่นพี่จากโรงพยาบาลใกล้เคียงมาเป็นผู้ช่วยและได้ประสบปัญหามากบางอย่างก็ไม่เข้าใจ ที่สำคัญที่สุดในขณะทำผ่าตัดเนื่องจากความเข้าใจเรื่อง surgical technique และ instrument ยังน้อยเลยต้องคล้อยตามเจ้าหน้าที่จากบริษัทเครื่องมือ ทำให้รู้สึกอึดอัดในบางครั้งโดยเฉพาะการทำ THR วิธีการ ream acetabulum ให้ได้ press fit พอดีต้อง ream แค่ไหนถึงจะพอแล้วถ้าตอกไม่ได้ press fit จะทำอย่างไรดี ถ้า ream แล้ว posterior wall หายจะแก้อย่างไร กรณี bone นุ่มมาก ream แล้วเกิด protrusion เท่าไหร่จึงยอมรับได้ มีวิธีป้องกันไม่ให้เกิดได้อย่างไร ในการทำTKA วิธีการ exposure ที่จะทำให้แผลเล็กและทำได้ง่ายทำอย่างไร วิธี release ligament ในการทำ TKA ในคนไข้ที่ deformity มากๆ วิธีการตัด proximaltibia ให้ perpendicular กับ axis ต้องเล็งอย่างไร และถ้า balance ligament แล้ว flexion gap ต่างจาก extention gap มากจะแก้อย่างไร เย็บแผลแบบไหนไม่ให้แผลซึม ถ้าแผลซึม 7 วันจะแก้อย่างไร สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้เหงื่อโง่ของผมหลั่งไหลเหมือนกับมวลน้ำที่ถาโถมกรุงเทพฯ ตอนต้นปีกันเลยทีเดียว บางครั้งผ่าตัดเสร็จก็นอนไม่หลับอยู่หลายวัน แต่ยังโชคดีที่คนไข้ทุกคนไม่มีปัญหาใดๆ หลังผ่าตัดและสามารถใช้ข้อเข่า ข้อสะโพกเทียมได้ดี แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ผมได้ตระหนักว่า ความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ ของผมคงไม่พอที่จะทำเคสที่ยากและซับซ้อนได้ดี การมาเรียนรู้กับอาจารย์ มารับประสบการณ์ มาดูเคสที่ยากๆ ซับซ้อนและเทคนิคที่ทันสมัยคงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผม ตลอดจนถึงโปรแกรมในการดูแลหลังการผ่าตัด ผมจึงคิดว่าการไปเรียนเพิ่มในอนุสาขาข้อเข่าและข้อสะโพกคงเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้ผมเป็นแพทย์ที่มีความสามารถมากขึ้นในการผ่าข้อเข่าข้อสะโพกเทียมได้
การเป็น fellow เปรียบเสมือนอวัยวะที่ 33 ของอาจารย์ ไม่ว่าอาจารย์จะผ่าอะไรที่ไหน โรงพยาบาลใด เราต้องไปทุกๆที่ แรกๆรู้สึกตัวว่าค่อนข้างเป็น ภาระอาจารย์ซะมากกว่า เนื่องจากยังช่วยไม่ถูก เช่นการปูผ้าให้ sterile ก็ต้องมีขั้นตอนที่พลาดไม่ได้ การจัดท่าคนไข้ การลงมีดผ่ารายละเอียดการผ่าตัดของอาจารย์เพิ่มมากขึ้น ทำให้เข้าใจและสามารถช่วยได้อย่างดีมากขึ้น นอกจากนี้ การมา femoral stem BMHR BHR PSI Computer assist navigator แต่ที่ผมชอบและสนุกมากที่สุดคือการใช้ navigator ในการทำ TKA ใครที่ยังไม่เคยลองให้แนะนำให้ใช้ครับเพราะท่านสามารถวางแผนและแก้ปัญหาได้ทันทีโดยที่ยังไม่ต้อง finist cut bone ท่านจะสนุกในการ balance ligament ดูความแตกต่างทางด้าน medial และ lateral ความแตกต่างใน flexion และ extion gap พอดี
ที่สำคัญที่สุดคือ การได้เรียนรู้วิธีดูแลคนไข้ของอาจารย์ อาจารย์ round คนไข้ทุกวันผมจึงจำเป็นต้องมาด้วยทุกวันเหมือนกัน แรกๆรู้สึกเหนื่อยมากที่ต้องตื่นแต่เช้าและต้อง round ในวันเสาร์ อาทิตย์ แต่สักพักก็เริ่มอยู่ตัวกับสิ่งเหล่านี้ ทำให้ผมรู้ว่าการเป็นหมอนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ doctor patien relationship ถ้าคนไข้เข้าใจและศรัทธาในตัวแพทย์ การรักษาวิธีใดๆกับคนไข้จะง่ายขึ้นและมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นเนื่องจากได้รับการร่วมมืออย่างดีจากคนไข้และญาติ ปัญหาต่างๆก็จะน้อยลง
สำหรับน้องๆ ออร์ปิดิกส์ที่จบใหม่ที่ยังลังเลว่าจะเรียนต่อเลยหรือไม่เรียนผมแนะนำว่าสิ่งสำคัญที่สุดคงเป็นความตั้งใจที่ดีที่จะให้คนไข้หายป่วย ความตั้งใจที่ดีนำมาซึ่งความอยากรู้ อยากเรียน อยากพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ไม่ว่าสาขาวิชาอะไรขอให้น้องๆทุกคนตั้งใจ หากไม่มีโอกาสได้มาเรียน fellow ก็หมั่นดูงานและมาเข้าเคสอาจารย์อยู่เสมอการมาเรียนต่ออาจไม่จำเป็นแต่ถ้าน้องๆ ที่รู้สึกว่าการดูงานหรือการเข้ามาเรียนรู้เคสกับอาจารย์ยังไม่พอ ผมแนะนำให้เรียนเลยครับ เพราะจะทำให้เราพัฒนาตัวเองได้เร็วมากๆ
สุดท้ายนี้ผมขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ ธนา ธุระเจน ที่ให้โอกาสรับผมเข้าเรียน
อาจารย์สุรวิทย์ ศักดานุภาพ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ่อพลอยที่ให้ผมมาเรียนได้
ที่สำคัญที่สุดที่ผมติดตามท่านตลอด 1 ปีเต็ม อาจารย์วิโรจน์ ลาภไพบูลย์พงศ์และอาจารย์ในโรงพยาบาลตำรวจทุกท่านด้วยครับ
สถานบริการสาธารณสุขใน อ.บ่อพลอย :